คอเลสเตอรอล นางเอกหรือนางร้าย
ขึ้นชื่อว่า คอเลสเตอรอล ทุกๆ คนที่ได้ยินคงจะขยะแขยงไม่อยากพบอยากเจอเป็นที่สุดใช่มั้ยล่ะคะ แต่ขอบอกว่า ใช่คอเลสเตอรอลทุกตัวจะไม่ดีเสมอไปหรอกนะ บางตัวที่ดีๆ ก็ยังมีอยู่ค่ะ แต่ที่เห็นกันว่าร้ายๆ นั้นเป็นเพราะร่างกายเกิดการขาดสมดุลระหว่างคอเลสเตอรอลฝ่ายดี (HDL) กับคอเลสเตอรอลฝ่ายเลว (LDL) ต่างหากล่ะ
วิธีที่ง่ายและดีที่สุดในการช่วยปรับสมดุลระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายนั้นก็คือ การรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์เข้าไปนั่นเองค่ะ ทางการแพทย์ระบุไว้ว่า อัตราส่วนของคอเลสเตอรอลทั้งหมดต่อ HDL ควรจะน้อยกว่า 4.2:1 และอัตราส่วนของ LDL ต่อ HDL ควรจะน้อยกว่า 2.5:1 หรือมีปริมาณ HDL มากกว่า 35 mg และปริมาณ LDL น้อยกว่า 130 mg ร่างกายถึงจะอยู่ในสภาวะที่เรียกได้ว่าเฮลตี้ และคุณเองก็สามารถรักษาระดับให้ดีอย่างนี้ได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือการเลือก รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เข้าไป ซึ่งอาหารแต่ละชนิดก็จะมีประสิทธิภาพในการช่วยลดคอเลสเตอรอลที่แตกต่างกันไปดังนี้
++ อาหารที่มีไขมันดีเป็นส่วนประกอบ จะช่วยต้านไขมันเลว
++ อาหารที่มีไฟเบอร์ จะช่วยดูดซับคอเลสเตอรอล
++ อาหารที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ จะช่วยไม่ให้คอเลสเตอรอลเกิดการออกซิไดซ์
ซึ่งตัวอย่างของอาหารทั้งสามประเภทคือ

ในปลาจะมีกรดโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันส่วนดีช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล HDL ด้วย แถมยังช่วยลดความข้นของเลือดได้ด้วยค่ะ (ซึ่งถ้าเลือดข้นมากๆ จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ!) คุณควรจะกินปลาให้ได้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และควรเลือกปลาที่มีไขมันดีเยอะๆ อย่างปลาซาร์ดีน แมคเคอเรล แซลมอน หรือปลาทูน่าสด ซึ่งการที่คุณหันมากินปลาอย่างนี้ จะเป็นการช่วยลดการบริโภคอาหารที่มี LDL สูงๆ อย่าง เนื้อแดงและไขมันอิ่มตัวได้อีกทางหนึ่งค่ะ

เป็นข้าวที่ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลที่ดีมากๆ เพราะมีเบต้า-กลูแคนหรือไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งมันจะไปจับคอเลสเตอรอล มีผลทําให้ปริมาณของคอเลสเตอรอลลดลง ซึ่งสาวๆ ควรจะกินข้าวโอ๊ตให้ได้วันละ 1 มื้อนะคะ อาจจะกินเป็นซีเรียลข้าวโอ๊ตในตอนเช้า หรือแซนด์วิชขนมปังข้าวโอ๊ตเป็นของว่างระหว่างวันก็ได้ค่ะ

มีผลการทดลองสนับสนุนว่า กระเทียมช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เพราะกระเทียมจะเป็นเหมือนตัวแอนตี้ออกซิแดนท์ คือช่วยป้องกันไม่ให้ LDL เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันค่ะ ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่คุณคิดจะเข้าครัว อย่าลืมเพิ่มกระเทียมเข้าไปในเมนูด้วยนะจ๊ะ แต่มีเคล็ดลับตรงที่ว่า เมื่อสับกระเทียมแล้ว ควรจะปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง (ประมาณ 10 นาที) ก่อนนําไปประกอบอาหาร เพราะสารประกอบในกระเทียมจะมีประโยชน์เต็มที่ก็ต่อเมื่อได้สัมผัสกับอากาศเท่านั้นค่ะ
