22 Dec 2014

รีวิว PAUL depuis 1889 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอมบาสซี ชั้น 1

หลังจากที่ร้านอาหาร Paul เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นาน เราก็ได้แวะเวียนไปค่อนข้างหลายครั้งเพราะติดใจในเบเกอรี่และครัวซองก์ที่ขึ้นชื่อของร้าน ร้าน Paul มีประวัติมายาวนานมากกว่า 125 ปี จากประเทศฝรั่งเศสและในตอนนี้มาเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ ชั้น 1 ซึ่งเป็นสาขาแรกของประเทศไทย


เชื่อว่าทุกๆคนที่เดินผ่านจะต้องแวะ โดยเฉพาะด้านหน้าซึ่งมีทั้งเบเกอร์รี่และขนมปังนานาชนิดตามแบบฉบับของ Paul แบบไม่ผิดเพี้ยน หลังจากที่เราได้คุยกับเชฟแล้ว รู้เลยว่าการควบคุมคุณภาพให้ได้เหมือนกับเรานั่งทานที่ฝรั่งเศสนั้นเป็นอะไรที่ทาง Paul เข้มงวดมากๆ จึงทำให้อาหารและเบเกอรี่เป็นที่นิยม เพราะไปทานที่ไหนก็ไม่มีความผิดเพี้ยนของรสชาติ



เนื่องจากขนมมีเยอะมากๆ โดยเฉพาะหากมาในช่วงสักประมาณ 11 โมง หรือในช่วงบ่าย ขนมจะเต็มตู้กันเลยทีเดียวค่ะ แค่มองก็ฟินแล้ว แต่ฟินไม่พอต้องได้ลองทานกันดู จะรู้ว่าของอร่อยเป็นยังไง



บรรยากาศโดยรวมหน้าร้าน บ่อยครั้งที่เราจะเห็นแถวที่ยาวเพราะรอเลือกและสั่ง แต่การบริการเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเหมือนทุกคนที่มาซื้อรู้สิ่งที่ตัวเองต้องการกันค่ะ



เชฟได้บอกกับเราว่า การจัดวางทุกอย่างจะต้องเหมือนกันทุกสาขา นั่นหมายความว่า ใครที่เคยไปทานที่ปารีสเมื่อไปทานที่แต่ละสาขาจะพบว่าเขาได้เลือกเบเกอรี่ได้ง่ายขึ้น จากความเคยชิน รูปแบบการจัดวางที่เหมือนกัน กระทั่งขนมชิ้นไหนวางติดกับชิ้นไหน หรือแม้กระทั่งการวางป้ายต่างๆก็เช่นกัน



เดินเข้ามาดูในร้านกันสักหน่อย เชฟเสริมกับเราอีกว่า การตกแต่งทุกอย่างแม้แต่กระเบื้องก็นำเข้า เพื่อให้ลูกค้า Paul ได้รับประสบการณ์ที่เหมือนกันในทุกสาขา ของตกแต่งเองก็เช่นกัน ทุกสิ่งที่เรามองเห็นแทบจะทั้งสิ้นที่นำเข้ามา



ในห้องกระจกนั้นเป็นห้องสำหรับทำเบเกอรี่  วัตถุดิบและเครื่องมือต่างๆก็นำเข้าเพื่อให้คุณภาพที่ดีเหมือนกันทุกๆชิ้น และที่สำคัญห้องนี้ทำให้เราเห็นขบวนการผลิตตั้งแต่นวดแป้ง ชั่ง-ตวง หรือแม้กระทั่งอบ



เมนูอาหารจะเป็นภาษาฝรั่งเศส เราอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะทุกๆเมนูจะมีภาษาไทยอยู่ด้วยบอกว่าอาหารชนิดนั้นๆคืออะไร หากไม่แน่ใจให้สอบถามกับพนักงานเลยค่ะ



ทีนี้มาถึงเรื่องอาหารค่ะ เมนูแรกมีชื่อว่า ปายาซง ซ็องปิญง (Paillasson Champignons) เห็ดผัดกับกระเทียม หอมแดงและผักชีฝรั่ง ส่วนสลัดในจานจะคลุก Mustard Dressing มาเรียบร้อยแล้ว อร่อยมากและผักสดมากจริงๆค่ะ



อยากให้เห็นว่าด้านล่างเห็ดซ็องชิญงนั่นก็คือมันฝรั่งค่ะ จะเป็น Potato Pancake ค่ะ คล้ายๆแฮชบราวน์แต่ด้านในจะนุ่มกว่ามาก และอร่อยเพลิดเพลินมาก เมนูนี้เป็นเมนูมังสวิรัติค่ะ  (ราคา 290 บาท)



อีกเมนูก็เป็นมังสวิรัตเหมือนกันค่ะ เมนูไหนเป็นมังสวิรัตจะมีภาพใบไม้แปะไว้ในเมนูนะคะ ตาร์ตีน ตอมัต มอซซาเรลลา (Tartine tomate mozzarella) มะเขือเทศและมอซซาเรลลาอบโรยด้วยโหระพาและน้ำมันมะกอก เสิร์ฟร้อน (ราคา 290 บาท)



จานนี้ควรรีบทานเมื่อยังร้อนๆค่ะ ใครไม่ทานมะเขือเทศ น่าจะทานจานนี้ได้ค่ะ เพราะรสชาติเค้าเข้ากันจนไม่รู้สึกว่ามะเขือเทศมีรสอะไรมากมาย ส่วนแป้งที่ใช้เป็นแป้งข้าวไรย์ถึง 60% 



เครื่องดื่มชนิดแรกที่เราคงหาที่ร้านอื่นไม่ได้แน่ๆ Macaron Frappe' Framboise (Raspberry frappe' macaron) เค้าเอามาการองมาปั่น ซึ่งมาการองที่นี่จะมีสองขนาดค่ะ เค้าเอาชิ้นขนาด 9 ซม.มาปั่นเป็นเมนูนี้



ความหอมหวานจะมาจากทั้งมาการองเอง (รสที่เราเลือก) กับ Almond Milk ค่ะ เราดื่มไปและได้รสสัมผัสแบบมาการองด้วยจะมีกรุบๆให้เราได้เคี้ยวด้วยค่ะ

มาการอง เฟรปเป้ มาการองจาก PAUL ปั่นกับครีมวนิลาและนม สามารถเลือกรสชาติมาการองได้ดังนี้ ราสเบอร์รี่ ช็อคโกแล็ต พิสตาชิโอ วนิลาและกาแฟ แก้วละ 185 บาท ค่ะ



แก้วนี้ไม่ควรพลาดค่ะ ใครชอบความเข้มข้นของช็อคโกแลต ต้องไปลองค่ะ Chocolat Chaud 110 บาท 



ความเข้มข้นของช็อคโกแลต หวานเบาๆไม่ขมจัด ดื่มร้อนๆ บอกเลยว่าฟินจริงๆ การควบคุมคุณภาพของช็อคโกแลตร้อนนั้นเค้ามีเครื่องนะคะ ไม่ได้ชงแก้วต่อแก้ว เพราะจะกะปริมาณไม่แม่นค่ะ รับรองอร่อยทุกแก้ว



อากาศแบบนี้ไปลองเลยค่ะ และถ้าใครชอบวิปครีมก็สั่งแบบใส่วิปครีมได้นะคะ



Eclair au Chocolat ชูช์เพรสตรีแบบดั้งเดิม พร้อมไส้ "เคร็ม ปาติสเชียร์" รสช็อคโกแล็ต 150 บาท



เมนูขายดีอีกเมนูที่ PAUL เอแคลร์ช็อคโกแลต เป็นขนาดออริจินัล คือ 12 ซม. 

ซึ่งมีหลายไส้ให้เลือก ทั้งช็อคโกแลต วานิลา และกาแฟ 



ราสป์เบอร์รี่และสตรอเบอร์รี่จะเป็น White Chocolate Cream นะคะ ไม่ใช่ครีมธรรมดา เป็นความพิเศษของเอแคร์ของ PAUL ค่ะ



ขายดีที่สุดก็ว่าได้และใครๆก็ต้องซื้อติดมือกลับบ้านกับ Croissant (ครัวซอง) แป้งกรอบ เนื้อบางและข้างในนุ่ม จะเสิร์ฟคู่กับเนยและแยมแอพลิคอตค่ะ ข้างในครัวซองจะมีความหวานนิดๆ



Cramique อารมณ์คล้ายๆขนมปังลูกเกดแต่ก็ไม่ใช่ค่ะ จะมีความหวานจากน้ำตาลกรวด และความหวานของลูกเกด และแม้แต่ตัวแป้งเองก็เช่นกัน



เห็นอย่างนี้ไม่ใช่ว่าจะหวานจัดนะคะ ความหวานกลับไม่มากอย่างที่คิด หวานแต่ก็พอดีทานค่ะ



ในร้านที่เราทานเป็นขนาดเล็กนะคะ ซึ่งก็ถือว่าใหญ่แล้ว แต่จริงๆมีขนาดจริงที่ชาวฝรั่งเศสเค้าชอบค่ะ ไปหน้าร้านแล้วตกใจเพราะชิ้นใหญ่จริงๆ 



สุดท้ายที่เราได้ลองชิมก็คือ Millefeuille Mango ความพิเศษอยู่ที่แป้งที่กรอบได้นานถึง 12 ชั่วโมงเลยค่ะ มะม่วงหวานและสดมากๆค่ะ ส่วนครีมมะม่วงที่อยู่ตรงกลางก็หอมหวานกำลังดี เป็นการจบที่ฟินที่สุด 

ในช่วงนี้เป็นเทศกาลคริสต์มาส PAUL จึงมีเมนูพิเศษออกมาด้วยค่ะ ซึ่งจะมีทุกๆเทศกาลค่ะ









ขอขอบคุณ PAUL 
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแอมบาสซี ชั้น 1 (บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต)

IG: paulbakerythailand

+