13 Jan 2010

ทับทิม อร่อยอย่างมีคุณค่า



ทับทิม
พืชที่รู้จักกันมาช้านาน ลักษณะเป็นไม้พุ่ม แตกกิ่งก้าน โคนต้นมีกิ่งที่เปลี่ยนไปเป็นหนามยาว แข็งใบเดี่ยว แผ่นใบแคบ ขอบในเป็นรูปขอบขนาน ยอดอ่อนเป็นสีแดง ใบออกเป็นคู่ ตรงข้ามกัน หรือใบออกสลับกัน หรือออกเป็นกระจุก 2-3 ใบ มีดอกเป็นดอกเดี่ยว กลีบเลี้ยงหนาสีแดง ผลเมื่อแก่จัดจะมีเปลือกแดงปนชมพูปนน้ำตาลเหลือง ถ้ากลีบดอกสีเหลืองอ่อน ผลแก่จัดสีเหลืองปนน้ำตาล ผลกลมโตแล้วแต่พันธุ์เปลือกนอกของผลหนาค่อนข้างเหนียว เปลือกด้านในสีเหลือง ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก อัดกันแน่นเต็มเปลือก แต่ละเมล็ดมีเนื้อสีชมพู หรือสีแดงลักษณะใส มีรสหวาน หรือหวานอมเปรี้ยว ผลทับทิมเป็นผลชนิด “Balausta”

ด้วยเมล็ดภายในมีสีแดงสดเหมือนทับทิมอัญมณีที่ทรงคุณค่า มันจึงได้รับชื่อว่า “ทับทิม” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Punica grannatum และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Pomegranate ในภาษาสเปน และภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Grandada และ Grenede ตามลำดับ ทับทิมมีถิ่นกำเนิดจากประเทศอิหร่าน แล้วแพร่ขยายมาสู่ดินแดนเทือกเขาหิมาลัย และตอนเหนือของอินเดีย นอกจากนั้นยังมีการเพาะปลูกถึงทางต้นใต้ของเอเชีย และกระจายไปสู่แคลิฟอร์เนีย โดยผู้อพยพชาวเสปน ในปี ค.ศ. 1769 ทับทิมเป็นผลไม้โบราณที่มีอยู่ในตำราอาหารหลายชนชาติต่างๆ มาช้านาน เช่น ชาวอียิปต์ยุคโบราณ ปรุงไวน์ให้มีกลิ่นหอมจากทับทิม ชาวกรีกถือว่าทับทิมเป็นผลไม้แห่งความรักและความอุดมสมบูรณ์ ในประวัติศาสตร์พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่าคุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้นรวมกันอยู่ในทับทิม

ด้วยเหตุผลที่ผลทับทิมมีเมล็ดมากอยู่ภายใน ชาวจีนซึ่งเรียกทับทิมว่า “เจี๊ยะลิ้ว” จึงเชื่อว่าทับทิมเป็นผลไม้มงคล นิยมปลูกในบ้าน กิ่งใบทับทิมเป็นใบไม้มงคลที่ใช้ทุกงานที่มีน้ำมนต์ประกอบพิธี โดยจะใช้พรมน้ำมนต์และมีไว้ติดตัวเพื่อคุ้มครองกันภัย กันภูตผีปีศาจ สาเหตุที่ทับทิมมีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งในประเพณี พิธีกรรม มีเรื่องเล่าว่า เพราะเป็นพันธุ์ไม้ที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเมืองจีน พร้อมกับพระพุทธศาสนา ซึ่งประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า เมื่อครั้งที่สมณะจีนเหี้ยนจัง ผู้ได้รับฉายาใหม่ ในภายหลังว่า “พระถังซัมจั๋ง” ได้ไปอาราธนาพระไตรปิฎกที่อินเดีย ท่านได้นำพันธ์ไม้ต่างๆ มาด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือทับทิม ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการให้มีลูกชายมากๆ

ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ในทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งมีมากทั้งในเปลือก เมล็ด และนำทับทิม ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และระบบการหมุนเวียนในร่างกาย สรรพคุณทางสมุนไพรไทย ส่วนที่ใช้เป็นยาคือเปลือกของผลที่โตเต็มที่ มีรสฝาด ใช้เปลือกผลแห้ง 1 ส่วน 5 หรือ 1 ส่วน 4 ของผล ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆ รับประทานครั้งละ 10-20 มิลลิลิตร วันละ 1-2 ครั้ง หรือใช้เปลือกของผลต้มกับน้ำปูนใส ดื่มแต่น้ำ การรับประทานเช่นเดียวกับที่ใช้ฝนกับน้ำปูนใสใช้บรรเทาอาการท้องเสีย การที่เปลือกของผลทับทิมช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้เพราะว่ามีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารฝาดาสมาน นอกจากนี้ยังใช้รักษาน้ำกัดเท้า โดยใช้เปลือกผลทับทิมฝนกับน้ำสะอาดให้ข้นๆ ใช้ทาบริเวณที่น้ำกัดเท้า วันละ 4-5 ครั้งจนกว่าจะหาย

ในด้านคุณค่าทางโภชนาการและสุขภาพ เนื่องจากทับทิมมีสารโพลีฟีนอล (polyphenols) ปริมาณมากและส่วนใหญ่เป็นชนิด hydrolysable tannins (สาร tannin เป็นสารที่มีรสฝาด มักพบในไวน์แดง) นอกจากนี้ยังมี puracaligins ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการทำหน้าที่เป็น antioxidant หรือเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ สารดังกล่าวเหล่านี้สามารถได้มาจากน้ำของทับทิม ในเมนูของนักโภชนาการหลายๆ เมนู ก็ประกอบด้วยน้ำทับทิมและเมล็ดของทับทิม (อุดมไปด้วยไฟเบอร์) เป็นส่วนผสม เมล็ดและการรักษาของน้ำทับทิม พบว่าน้ำทับทิมมีประสิทธิภาพลดอัตราการเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ซึ่งรวมถึง LDL oxidation โดยสามารถลดภาวการณ์สะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุตตันและแข็งตัว ซึ่งจะทำให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือดตามมา ช่วยทำให้เส้นเลือดที่หนาตัว และมีไขมันสะสมซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และช่วยบำรุงหัวในในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ ไม่นานมานี้มีรายงานว่า น้ำทับทิมมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และยับยั้งเซลมะเร็งเต้นนม ทั้งการแบ่งตัวและการแพร่กระจาย นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงตับ ป้องกันการเป็นพิษต่อตับ และลดความดันโลหิตลงได้บ้าง ปัจจุบันน้ำทับทิมได้รับความนิยมบริโภคมากในประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ รวมถึงหลายๆ ประเทศในยุโรป

ประโยชน์อย่างอื่นของทับทิม เช่น ในประเทศญี่ปุ่นใช้เป็นสีย้อมสำหรับเส้นใยธรรมชาติ ถึงแม้จะไม่ได้ปลูกทับทิมอย่างแพร่หลาย แต่ก็ได้นำต้นทับทิมมาประดับตัดแต่งเป็นบอนไซ ด้วยเหตุผลที่ทับทิมให้ดอกสีแดงสวยสด จากประโยชน์ต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาทั้งคุณค่าทางโภชนาการ คุณค่าทางการรักษาโรค และคุณค่าทางการตกแต่ง จะพบว่าต้นทับทิมเป็นพืชที่มีประวัติมาช้านานและเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าอย่างมหัศจรรย์ ดังเช่นชื่อทับทิม

ที่มา
ฝ่ายการคลัง
สำนักงานเลขานุการกรม
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

Buy my Cook Book

+